top of page

JAPAN TRIP (BACKPACK) | DAY 4

แบ็กแพ็คเที่ยวเจแปนใสๆ ไม่ง้อทัวร์ วันที่ 4 (วันสุดท้าย) บุกร้านเซ็กส์ทอยย่านอากิฮาบาระ ซื้อของฝากที่ตึกดองกี้ ก่อนเดินทางกลับไทย


สวัสดีค่าาา และแล้วทริปเที่ยวญี่ปุ่นของติ๊ดกับแพร์ที่จะมาเล่าให้ฟัง ก็ดำเนินมาจนถึงวันสุดท้ายแล้วค่ะ


และต้องบอกก่อนว่าในบล็อกนี้จะมีรูปประกอบน้อย เพราะทางร้านที่ไปมามีกฎห้ามถ่ายรูปภายในร้าน และระหว่างกลับต้องถือของเป็นจำนวนมากทำให้ไม่สะดวกที่จะถ่ายรูป แต่จะมีสรุปความรู้สึกที่ได้จากการไปแบ็กแพ็คญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรกเสริมตอนท้ายด้วยนะคะ


ทั้งวันสุดท้ายนี้ เราไปกันแค่ที่เดียว ไปดูร้านเซ็กส์ทอยชื่อดังที่ย่านอากิฮาบาระที่มีถึง 7 ชั้น คือร้าน Pop Life Department นั่นเองค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับสนามบินกันเลย จะไม่ขอพูดถึงส่วนของสนามบินนะคะ มาถึงสนามบินก็มีแค่เช็คอิน ซื้อของฝากเพิ่มเติม และขึ้นเครื่องกลับไทย พอทราบรายละเอียดของเรื่องที่จะเล่าในวันนี้แล้วเราก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ


- - - - - - - - - -


เริ่มด้วยการตื่นสายอีกครั้งของเรา 2 คน 555555 อาหารเช้าของเราวันนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้อีกนอกจาก ทาร์ตชีส Pablo ที่ซื้อมาจากวันที่ 3 นั่นเอง ด้วยเกรงว่ารอกลับถึงไทยมันจะเสียซะก่อน ก็เลยจัดการโซ้ยกันที่ห้องพักเลยค่ะ และเพราะในกล่องทาร์ตกับโรงแรมไม่มีช้อนส้อมมาให้ เราเลยต้องใช้สองมือของเรานี่แหละ จกใส่ปากกันเลยทีเดียว 5555


สำหรับทาร์ตชีสราคา 850 เยนนี้ เราสั่งเป็นแบบ Medium มาเพราะกลัวถ้าสั่งแบบเยิ้มๆไส้จะไหลทะลักออกมา ไส้หอมชีสมากค่ะ เนียนนุ่ม หวานกำลังดี เนื้อสัมผัสต่างจากทาร์ตไข่ที่เคยกินนิดนึง จะะออกข้นๆกว่า ด้านบนที่เป็นสีเหลืองสดคิดว่าน่าจะทาเจลาติน รสชาติเหมือนแยมเปรี้ยวๆ สีสันสดใสที่อยู่บนเค้กเด็กประมาณนั้น ตัวแป้งทาร์ตยังคงกรุบกรอบแม้จะผ่านมาแล้วคืนนึง(ไม่แน่ใจว่าทาร์ตชนิดอื่นเป็นเหมือนกันมั้ยถ้าทิ้งข้ามคืน) แถมยังหอมเนยสุดๆ เสียดายที่ซื้อแล้วไม่ได้กินทันที คิดว่าถ้ากินตอนร้อนๆน่าจะอร่อยกว่านี้ แต่เท่านี้ก็ถือว่าประทับใจมากค่ะ ให้ 9/10 ละกันเนอะ หักคะแนนที่ไม่มีช้อนให้ กินยาก T3T ไว้ไปกินตอนร้อนๆอีกทีอาจจะให้คะแนนเพิ่ม <3


ทาร์ตชิ้นโตที่จกกันไปคำนึงแล้วพึ่งนึกได้ว่าต้องถ่ายรูปรีวิว สภาพของมันจึงออกมาเป็นเช่นนี้ 5555555

ปล. ทาร์ตชิ้นใหญ่มาก ขนาดช่วยกันกิน 2 คนยังเกือบจะกินไม่หมด ทำเอากินข้าวเช้าไม่ได้อีกเลย



พอกินทาร์ตชิ้นโตกันเสร็จก็ทำการขนย้ายกระเป๋าเสื้อผ้าที่เราเก็บกันไว้ก่อนหน้านี้เพื่อลงไปเช็คเอาท์ ก่อนจะออกจากโรงแรมก็ยังไม่ลืมที่จะขอตาชั่งจากพนักงานต้อนรับ ทิ้งความสตั๊นไว้ให้พนักงานต้อนรับก่อนจากกัน เธอเตรียมหัวใจมาก่อน~ (ผิด)


เริ่มออกเดินทางโดนรถไฟฟ้าเหมือนเดิม คราวนี้ไปลงที่อากิฮาบาระเลยค่ะ พอมาถึงก็เดินหาล็อคเกอร์สำหรับฝากกระเป๋ากันก่อน แต่มาถึงดันไม่มีตู้ไหนว่างเลย ก็เลยจะเป็นต้องลากกระเป๋าสัมภาระเดินไปเดินมาตลอดวัน ทำให้วันนี้ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร


มาถึงอากิฮาบาระก็เกิดมหากรรมหลงอีกจนได้ 5555555 GPS เกิดอาการงอแงหมุนไปหมุนมาอีกแล้วเลยต้องมายืนตั้งหลักตรง 3 แยกๆ นึง มองหาร้านคาเฟ่กันดั้มก่อนเพราะเป็นจุดสังเกตที่เห็นได้ชัด ถ้ามองจากทางแยก ร้าน Pop life จะอยู่คนละทางกับคาเฟ่กันดั้มค่ะ (ถ้าเจอคาเฟ่อยู่ทางซ้ายมือ แสดงว่าร้าน pop life อยู่ทางขวา ประมาณนี้) ยืนงงๆ กันอยู่ 10 นาทีก็เห็นไปเห็นคาเฟ่กันดั้ม เราเลยตรงดิ่งไปอีกทางทันที เดินมาประมาณไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอกับตึกสีเขียวอร่าม ตั้งตระหง่านอยู่หัวมุมเลย ตึกเด่นมาก 5555


ตึกเขียว 7 ชั้น สวรรค์ของหนุ่มๆ

Picture from http://tokyoincognito.info/



ในร้านนี้แต่ละชั้นก็จะแบ่งของเป็นประเภทๆ ไปค่ะ เช่น ตุ๊กตายาง จิ๋มกระป๋อง ถุงยางอนามัย ดิลโด้ ชุดคอสเพลย์เซ็กซี่ แผ่น AV จำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ชั้นได้บ้าง ถึงจะมีหลายชั้น แต่พื้นที่ค่อนข้างแคบ แล้วก็ในร้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมาเดินดูมากกว่า สาวๆส่วนมากจะมากับแฟน มีแต่เรากับแพร์นี่แหละที่เป็นผู้หญิงสองคนเสร่อเดินเข้าไปกัน 5555


เราเริ่มเดินกันจากชั้นบนสุดลงมาทีละชั้นๆ รู้สึกสนุกสนานกับการเดินมาก ขำตลอดเวลา เพราะมันมีของเล่นที่บางอย่างเราไมคิดว่าจะมีอยู่ในนี้ด้วย 5555555 เช่น ถุงยางลายริลัคคุมะ ปากการูปเจี๊ยว กางเกงในที่มีบักหำน้อยยื่นออกมาสำหรับหนุ่มๆทอมบอย กล่องที่เปิดออกมาแล้วจะมีเจี๊ยวติดสปริงเด้งออกมา ชุดคอสเพลย์เซ็กซี่สำหรับหนุ่มๆ คือเป็นกางเกงในอะ แต่สายนี่พาดมาถึงบ่า อธิบายไม่ถูก ที่เคยมีฝรั่งใส่มาเล่นสงกรานต์บ้านเราอะ มีกางเกงในจีสตริงสำหรับคุณผู้ชาย กางเกงในสำหรับใส่จุ๊มุผู้น่ารักของหนุ่มๆ มีให้เลือกทั้งคุณม้าลาย คุณช้าง หรือจะเป็นคุณลาก็มุ้งมิ้งสุดๆ 55555555 นึกละขำ


ส่วนชั้นที่เป็นชุดคอสเพลย์เซ็กซี่ของสาวๆก็มีตั้งแต่เป็นชุดนักเรียน นางพยาบาลชวนสยิวกิ้ว ไปจนถึงชุดชั้นในเซ็กซี่ มีถุงน่องแบบต่างๆ อันนึงที่ตะลึงมากคือเป็นถุงน่องธรรมดาๆนี่แหละ แต่มีรูโหว่ตรงจิ๊มิ คือกะว่าจะทำทีไม่ต้องถอดอะไรกันเลยทีเดียว 555555 แล้วก็มีกางเกงในผู้หญิงขาย ทั้งแบบแพ็คใส่กล่องอย่างดีและแบบแขวนบนไม้แขวนธรรมดา ว่ากันว่าถ้าหนุ่มๆ ท่านไหนโชคดี อาจได้กางเกงในที่มีคนใส่แล้วติดไม้ติดมือกลับไปก็ได้ ทางร้านบอกว่าถ้ากล้าใส่ชุดคอสเพลย์ถ่ายรูปโพลารอยด์กับที่ร้านจะมีส่วนลดให้ 20% สำหรับค่าชุดด้วยนะเอ้อออ ใครสนใจก็ลองไปดูนะ 5555555


แล้วก็จะมีส่วนที่เป็นพวกโดจิน จิ๋มกระป๋อง นมปลอม อะไรทำนองนั้น ที่ตะลึงคือตุ๊กตายาง ราคาประมาณ 2 แสนเยนถ้าจำไม่ผิด ในร้านจะมีตัวอย่างวัสดุที่ใช้ทำตุ๊กตายาง นมปลอม และจิ๋มกระป๋องให้ลูกค้าลองจับดู อื้อหือแบบบบมันนิ่มมากแก นิ่มแบบ อยากบีบอะ (แลดูโรคจิต 55555) จิ๋มกระป๋องมีการผ่ากลางให้ดู ด้านในทำเก็บรายละเอียดมาก ดูเหมือนจะต้องมีการศึกษา Anatomy มาอย่างดีก่อนผลิตออกมาแน่ๆ รู้สึกทึ่งเหมือนกัน ตรงนี้ คือเค้าผลิตกันแบบจริงจังมากอะ แบบหาเมียไม่ได้ก็ไม่ลำบากละ 5555555


ในส่วนชั้นสำหรับสาวๆ คือที่มีไข่สั่น ดิลโด้ และถุงยางอนามัยจะอยู่ในชั้นเดียวกัน เช่นเดียวกันกับชั้นของหนุ่มๆ ที่จะมีวัสดุตัวอย่างให้ลองบีบๆจับๆดู มีดิลโด้ชิ้นนึงทำเอาตกอกตกใจมาก ราคาหมื่นกว่าเยน ขนาดเส้นรอบวงแบบเอา 2 มือโอบรอบได้พอดีอะ คือมันใหญ่มาก นี่แบบตกใจมากตอนเห็น ขำด้วย คำถามคือใครจะเอาไปใช้ฟะ!?! 5555555 คงสำหรับซื้อไปตั้งโชว์ขำๆ อะไรประมาณนั้น ดิลโด้ที่นี่ก็มีหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบแมนนวลและแบบไฟฟ้า ไอแบบไฟฟ้านี่แหละน่ากลัวมาก กลัวเวลามันขยับอะ 5555 มีแบบฝังมุกด้วยนะพวกเธอว์ ทำเอาขนลุกขนพองเลยทีเดียว มีหลากหลายสี หลายวัสดุให้เลือกทั้งแบบนิ่มแบบแข็ง แบบเรียบๆเป็นลำเฉยๆ หรือแบบเก็บรายละเอียดเหมือนจุ๊มุของจริง บางอันเก็บรายละเอียดพวกสีของเส้นเลือดอะไรงี้ด้วย น่ากลัวมาก 555555 สาวๆผู้เหงาใจคนไหนชอบก็ลองมาดูกันได้น้า ราคาดิลโด้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 พันเยนถ้าจำไม่ผิด แล้วแต่แบบ


ส่วน 2 ชั้นล่างสุดจะเป็นพวก AV/Blu ray ขายกันโจ้งๆ เลย แต่ส่วนนี้ไม่ได้เดินดูเยอะ มัวแต่สนุกสนานกับข้างบน อีกอย่างคือกลัวเห็นหุ่นนางเอกดีกว่าเราแล้วรับไม่ได้ (ไม่เกี่ยว 55555) ใช้เวลาอยู่ในร้านประมาณชั่วโมงนึงได้ ออกมานี่ถึงขั้นท้องแข็งกันเลยทีเดียว ขำกันตลอดทุกชั้น ความสุขของการมาแรดโดยปราศจากผู้ใหญ่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง 55555




พอออกจากร้าน Pop life มาก็เป็นเวลาประมาณ เที่ยงๆ เกือบบ่าย แล้ว เราก็ไปต่อกันที่ตึกดองกี้สาขาฮากิฮาบาระเพื่อซื้อของฝากเพิ่มเติม รอบนี้โชคดีที่มีแอพฯ ของดองกี้เอง มี GPS บอกทางในตัวเลยว่าเราต้องเดินไปทางไหนอีกกี่เมตรจะถึงดองกี้สาขาที่ใกล้ที่สุด หมดปัญหาเรื่องหลงทาง จะไม่พูดถึงในส่วนของดองกี้มาก เพราะมาซื้อของฝากอย่างเดียวไม่มีอะไรเป็นพิเศษ


พอมาซื้อของที่ดองกี้เราก็ได้รับบทเรียนอีกอย่างนึงในการมาเที่ยวญี่ปุ่น นั่นก็คือ เวลาจะมาซื้อของที่ญี่ปุ่นต้องเช็คราคาแต่ละร้านให้ดีๆ ไม่งั้นท่านอาจจะปวดใจกับราคาที่แตกต่างกันถึงเท่าตัว ถ้าซื้อมาถูกกว่าก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าซื้อมาแพงกว่าแบบเรากับแพร์เนี่ยสิ แค้นสุดๆ อย่างแพร์ซื้อกาวติดทำตาสองชั้นมา 1,000 เยนที่มัตสึโมโต้ แต่มาเจอที่ดองกี้ขายแบบเดียวกันในราคา 500 เยน ติ๊ดเองซื้อทาโร่ชีสที่ทาเคยะมาเกือบ 700 เยน เจอที่ดองกี้ขาย 350 เยน ยี่ห้อเดียวกัน แพ็กเกจเหมือนกันเป๊ะ ตอนแรกก็คิดว่าคงคนละขนาดกัน เลยซื้อติดไปอีกถุงเผื่อฝากเพื่อนๆ จนพอกลับมาถึงบ้านเอามาเทียบดู ขนาดเดียวกันเป๊ะ แทบลมจับ


และแล้วซื้อของไปๆมาๆ แพร์ก็เกิดอาการกระเป๋างอกมา 1 ใบ 55555 เพราะซื้อของฝากกันเยอะมากกระเป๋าใส่ไม่พอ ที่ดองกี้แพร์ไปเก็บตกเครื่องสำอาง ส่วนเราซื้อพวกขนม ของกิน เพิ่มเติม



ใช้เวลาที่ดองกี้จนถึงบ่าย 2 กว่าๆ ตั้งใจว่าจะไปที่สถานีรถไฟตอนบ่าย 3 แต่เพราะเดินกันเยอะมากเลยเริ่มหิว จุดที่เราอยู่ตอนนั้นห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 1 กิโลเมตรนิดๆ ก็เดินหาร้านของกินกันระหว่างทาง ผ่านร้านแม็คโดนัล เห็นเค้าว่ากันว่าเบอเกอร์แม็คอร่อยกว่าในไทยมากก็กะจะลองแวะดู แต่พอเข้าไปถึงคนเต็มร้านเลย ที่ว่างมีแต่ชั้นบนและต้องเดินขึ้นบันได เราสองคนแบกของกันมาเยอะมากบวกกับปวดขาเพราะหอบของเดินไปเดินมาหลายชั่วโมง เดินผ่านไปซัก 500 เมตรเจออีกร้านก็ว่างแต่ชั้นบนอีก ก็เลยต้องตัดใจไม่กิน ไว้มากินรอบหน้าละกันเนอะ


เดินไปเรื่อยๆ แม็ค 2 ร้านก็คนเต็ม เจอร้านที่อยากกินก็ปิด จนถึงจุดที่แบบ หิวมากไม่ไหวแล้วว่อยยยย เราก็ได้พบกับสวรรค์ หันแว๊บมาเห็นร้านนึงติดป้ายลดราคา แต่ทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่น จริงๆก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะอ่านไม่ออก แต่ด้วยความที่หิวมากเลยกะว่าเดี๋ยวค่อยถามพนักงานในร้านเอาละกันว่าอันไหนคืออะไร

เข้ามาถึงพนักงานวัยรุ่นชายคนนึงเดินเข้ามาพูดภาษาญี่ปุ่นกับเราก่อน พอเห็นว่าเราพูดอังกฤษเค้าก็แบบตกใจนิดนึง แล้วก็พยายามพูดภาษาอังกฤษแบบตะกุกตะกักนิดหน่อย ระหว่างอธิบายให้เราฟังก็พูดไปนึกศัพท์ไป ดูเค้าพยายามที่จะสื่อสารกับเรา เราก็ถามๆแบบเมนูไหนคืออะไร พอมาเสิร์ฟก็ถามเค้าว่ามันกินยังไง เหมือนพนักงานก็พยายามจะแนะนำเมนูในร้านให้กับเราแม้จะพูดไม่ค่อยได้ ซึ่งเราว่าน่ารักดีนะ เป็นสิ่งนึงที่ประทับใจในตัวคนญี่ปุ่นและงานบริการของญี่ปุ่นมาก เมนูในร้านเป็นอุด้ง กินคู่กับซุปแบบไหนก็แล้วแต่จะสั่งในเมนู รสชาติอร่อยมาก ทุกวันนี้ยังเสียดายมากที่จำชื่อร้านไม่ได้




พอกินอุด้งเสร็จก็บ่าย 3 ครึ่งแล้ว เดินต่อมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟกลับสนามบินนาริตะ ค่าตั๋ว 1,030 เยน (จำไม่ได้ว่านั่งสายไหน) นั่งรถไฟฟ้ากลับสนามบินใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้ ได้เห็นวิวตอนออกจากตัวเมือง รู้สึกบรรยากาศที่นี่ดูร่มรื่นอบอุ่นบอกไม่ถูก เห็นภาพแบบนี้ก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ต้องกลับแล้วถ้ามีโอกาส(และตัง)อยากกลับมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ 4 วัน 3 คืนที่ใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นเวลาที่สั้นมาก รู้สึกตัวอีกทีก็หลงรักประเทศญี่ปุ่นเข้าแล้ว


- - - - - - - - - -


ก็เป็นอันจบสำหรับการเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปนี้ค่ะ ถือเป็นการแบ็กแพ็คครั้งแรกในชีวิต และเป็นการออกไปนอกประเทศโดนไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยเป็นครั้งแรก


สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปแบ็กแพ็คญี่ปุ่น

1. ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนมากขาใหญ่ และใส่รองเท้าส้นสูงมาก

2. แฟชั่นผู้หญิงญี่ปุ่นแปลกถึงแปลกมากทั้งสีสันและรูปแบบที่นำมามิกซ์แอนแมทช์ สามารถพบเห็นคุณป้าในชุดวัยรุ่นถุงเท้าติดระบาย หรือวัยรุ่นในชุดคุณป้าได้ทั่วไป ผู้ชายไม่ค่อยมีอะไรเพราะคล้ายๆกันตามสไตล์ซาลารี่มัง

3. คุณแม่ชาวญี่ปุ่นใสมากกกกกก เห็นแต่ละคนหน้าใสๆแต่งตัวแบ๊วๆ หิ้วลูกมากันทั้งนั้น ทำได้ยังไงฟะะ

4. คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่หน้าตาดี 5. ผู้หญิงญี่ปุ่นที่หน้าตาดีส่วนมากต่อขนตา 6. ราเม็งญี่ปุ่นโคตรเค็ม เค็มทุกร้าน แต่เมนูอื่นๆอร่อยถูกปาก 7. ถ้ากินข้าวอย่านั่งใกล้โต๊ะที่มาตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปเพราะจะคุยกันเสียงดังน่าหงุดหงิดมาก บางร้านสามารถสูบบุหรี่ในร้านได้ โคตรเหม็น แต่อันนี้สิงห์อมควันน่าจะชอบ 8. งานดีไซน์ในญี่ปุ่นทั้งโฆษณาแฝะแพ็กเกจจิ้งของคนญี่ปุ่นคือดีงามมากกกกก แต่ทำไมคนญี่ปุ่นแต่งตัวแปลกอะ 9. ประทับใจงานบริการของญี่ปุ่นมาก ส่วนใหญ่ใส่ใจลูกค้าสุดๆ ถึงพนักงานบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็จะพยายามหาวิธีอธิบายให้เราเข้าใจ ซื้อของนิดเดียวแล้วใช้แบงค์ใหญ่เวลาทอนเงินก็จะนับให้เราดูทีละใบๆ 10. คนญี่ปุ่นแม้แต่ในเวลาประท้วงก็ยังยืนเข้าแถวเป็นระเบียบ และยืนตามแนวกำแพงไม่มีขวางถนน อันนี้อะเมซิ่งมาก 11. คนญี่ปุ่นหลับเก่งมาก หลับโคตรเก่ง โดยเฉพาะบนรถไฟ มีความสามารถในการควบคุมรัศมีศีรษะตัวเองเวลาสัปหงกให้ไม่เผลอไปซบคนที่นั่งข้างๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ 12. Family Mart ญี่ปุ่นคนละเกรดกับไทยอย่างเห็นได้ชัด 13. ขนมญี่ปุ่นอร่อย รสชาติประหลาดๆเยอะ 14. เสื้อผ้าที่ญี่ปุ่นไม่น่าซื้อเลยสำหรับเรา อย่างที่บอกไปในข้อ 2. 15. แต่รองเท้าส้นสูงที่ญี่ปุ่นน่าซื้อมาก หน้าตาเหมือนรองเท้าพรีออเดอร์แต่คุณภาพพรีเมี่ยมมาก แล้วเป็นสไตล์ที่เราชอบด้วย ถึงส้นจะสูงมากแต่พื้นนิ่ม ใส่สบาย (แต่ที่อยากได้ไม่มีไซส์ ฟัคคคค) 16. สถานีรถไฟหลงง่ายยิ่งกว่าตัวเมือง ในเมืองไปเดินตั้งนานไม่หลง แต่มาหลงในสถานีรถไฟตอนจะกลับโรงแรม 17. บรรยากาศร่มรื่น สวนสารธารณะนี่คือดีงามจริงๆ ชอบมาก ต้นไม้เยอะ แน่น 18. ออนเซ็นคือสิ่งดีงามอีกอย่าง ชอบมาก สบายตัวและหัวจวย เอ้ย! หัวใจพอ 55555 19.ข้อดีของการไปเองคือ ตื่นกี่โมงก็ได้ อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องกลัวหลงกับใครเพราะไปกันอยู่สองคน 555555 แต่ต้องบริหารจัดการเวลาดีๆ 20. การซื้อของฝากจำนวนมากไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะต้องแบกของหนักและเดินเยอะมากลับโรงแรม แถมยังต้องระแวงน้ำหนักเกิน 21. สินค้าในญี่ปุ่นโดยเฉพาะพวกเครื่องสำอาง สกินแคร์ ราคาถูกกว่าไทยมากแบบไม่น่าเชื่อ ร้านไทยส่วนมากเอาราคาเยนมาตั้งเป็นบาทเลย อันนี้แพร์บอกมา 22. พึ่งรู้ว่าตัวเองชอบแบ็คแพ็ก ชอบลำบาก 55555 23. อยากไปแบ็กแพ็คเมืองนอกอีก แต่ขอในไทยก่อนละกัน ยังไม่เคยไปเที่ยวไหนในไทยเลย 24. และอีกมากมาย ตอนพิมนึกไม่ออก แต่ตอนนี้อยากเที่ยวแล้ววววว

ขอขอบคุณแพร์ ที่ชวนไปเกาหลีแต่ทำไมเรามาโผล่กันที่ญี่ปุ่น 55555

และขุ่นแม่ผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในทริปนี้ ต่อไปจะเก็บเองแล้วค่าาาา

สุดท้าย ไปญี่ปุ่นแล้วหลง___เลย จงเติมคำลงในช่องว่าง

เฉลย หลงทาง กับ หลงรัก ฮิ้วววว 55555


ปล.กลับมาจากญี่ปุ่นน้ำหนักขึ้นมา 2 โล แต่แพร์น้ำหนักลง 3 โล คือไรรรร ‪#‎บ่งบอกพฤติกรรม‬ 555555


- - - - - - - - - - -


สำหรับในบล็อกต่อไปที่จะทำก็จะเป็นการรวบรวมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของติ๊ดในทริปนี้นะคะ รวมถึงจะมารีวิวของใช้ สกินแคร์บางส่วนที่ซื้อมาจากญี่ปุ่น มีทั้งมาส์กหน้า ขนตาปลอม น้ำหอม แป้งพัฟ พาเลทเขียนคิ้ว เซ็ตสครับและโทนเนอร์สำหรับจุ๊กกุแร้ ประมาณนี้


ตัวอย่างของใช้และสกินแคร์ที่ติ๊ดซื้อมาจากญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่นี้นะ มีอีก > <


แล้วพบกันใหม่ในบล็อกหน้านะคะ สวัสดีค่ะ ^u^

FOLLOW ME
  • Black Facebook Icon
  • Black Twitter Icon
  • Black Pinterest Icon
  • Black Instagram Icon
SEARCH BY TAGS
FEATURED POSTS
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
INSTAGRAM
ARCHIVE
bottom of page